What is Rugby League?

หลาย ๆ ท่านอาจจะเคยเห็นการแข่งขันรักบี้แต่ว่าไม่ใช่รักบี้ที่เคยเล่นหรือเคยดูกันมาก่อน เป็นการเล่นรักบี้แบบชนแล้วก็ลุก เขี่ยบอลออกไปด้านหลังให้เพื่อนเล่นต่อ เล่นซักพักก็เตะ ไม่มี Ruck ไม่มี Maul ไม่มี Line Out....รักบี้แบบนี้ เค้ามีชื่อว่า “Rugby League”

หลังจากที่รักบี้ได้ถือกำเนิดขึ้นและเป็นกีฬา มีการก่อตั้ง Rugby Football Union (RFU) ในปี 1871 กีฬาชนิดนี้ก็ได้แพร่หลายไปทั่วเกาะอังกฤษ ทั้งฝั่งเหนือและฝั่งใต้ มีทั้งเด็กนักเรียน นักศึกษาและผู้ใหญ่เข้ามาเล่นกันมากมายตามสโมสรกีฬาต่าง ๆ ในปี 1893 สโมสร Yorkshire ได้ยื่นเรื่องถึง RFU เพื่อขออนุญาตจ่ายเงินค่าเสียเวลา (broken time payments) ให้แก่ผู้เล่นที่ต้องขาดงานหรือลางานมาเล่นรักบี้ เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่ของสโมสรในภาคเหนือนั้นเป็นชนชั้นแรงงาน ซึ่งไม่สามารถมาเล่นรักบี้ได้หากไม่มีการจ่ายค่าชดเชยให้ ซึ่งต่างกับผู้เล่นในสโมสรภาคใต้ที่เป็นคนชนชั้นกลาง แต่ RFU มีมติไม่เห็นชอบเนื่องด้วยต้องการให้คงความเป็นกีฬาสมัครเล่นไว้ ทำให้ในปี 1895 RFU ได้ออกบทบัญญัติห้ามเก็บเงินค่าเข้าชมการแข่งขันรักบี้ในทุกสนามเป็นอันขาด จึงทำให้มีสโมสรที่ไม่เห็นด้วยจำนวน 22 สโมสร ทั้งหมดได้ร่วมกันจัดประชุม และก่อตั้ง Northern Rugby Football Union (NRFU) สมาพันธ์รักบี้ฟุตบอลแห่งภาคเหนือ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎกติกาและข้อบัญญัติของ RFU อีกต่อไป

ภายใน 15 ปีที่ก่อตั้ง NRFU ขึ้น มีสโมสรสมาชิกของ RFU ได้ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของ RFU แล้วมาสมัครร่วมเป็นสมาชิกของ NRFUมากกว่า 200 สโมสร ในช่วงแรกที่ก่อตั้ง NRFU ขึ้นมานั้น ก็ยังใช้กติกาแบบ Rugby Union อยู่ แต่สามารถจ่ายเงินให้ผู้เล่นได้ เก็บค่าชมการแข่งขันได้ และเพื่อความตื่นเต้นเร้าใจ NRFU จึงได้เปลี่ยนกฎกติกาการเล่นใหม่ ดังนี้

ในปี 1897 Line-Out ได้ถูกยกเลิก โดยถ้าลูกออกให้เตะกลับเข้ามาแทน และในปี 1901 ให้เปลี่ยนเป็นทำสกรัมเวลาบอลออก
ปี 1906 ลดจำนวนผู้เล่นจาก 15 คน เหลือ 13 คน เพื่อให้มีพื้นที่มากขึ้นในการสร้างสรรค์การเล่น และยกเลิก Ruck Form เมื่อมีผู้เล่นถูก Tackle ให้ Play the Ball แทน (การเขี่ยลูกบอกไปข้างหลัง โดยที่ผู้เล่นฝั่งรับต้องถอยไป 10 เมตร)
ปี 1922 Northern Rugby Football Union ได้เปลี่ยนชื่อองค์กรเป็น Rugby League Football หลังจากนั้นเป็นต้นมา จึงเรียกรักบี้แบบนี้ว่า Rugby League
ปี 1966 ได้กำหนดให้ทีมที่ครอบครองบอล play the ball ได้ 3 ครั้ง หากครั้งที่ 4 ถูกTackle ให้ทำสกรัม โดยฝ่ายตรงข้ามได้ใส่บอล
ปี 1972 การเล่น play the ball เพิ่มจาก 3 เป็น 6
ปี 1983 จากการทำสกรัมเมื่อถูก tackle ครบ 6 ครั้งเปลี่ยนเป็น เปลี่ยนการครอบครองบอลโดยให้ฝ่ายตรงข้าม play the ball ได้เลย

ขอบคุณรูปภาพจาก
https://www.loverugbyleague.com/